เพราะโลกสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน เส้นทางสู่ความสำเร็จในชีวิตแตกต่างไปจากยุคของคุณพ่อคุณแม่ นิยามความเป็นคนเก่งเป็นคนฉลาด ไม่ได้วัดกันที่ผลคะแนนเรียน ไม่ได้วัดกันที่ความรู้ว่าใครมีมากกว่า ไม่ได้วัดกันที่อาชีพยอดนิยมที่ในอดีตคนชื่นชมยกย่อง วันนี้โลกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มากมาย อยากให้ลูกก้าวทันไปกับโลกนี้ มีโอกาสประสบความสำเร็จในอนาคตได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ลูกพร้อมเรียนรู้ ปรับตัว พัฒนาตัวเอง ด้วยทักษะรูปแบบใหม่ที่เข้ากับโลกที่เปลี่ยนไป
ทักษะทั่วไปไม่พออีกแล้ว ยุคนี้ลูกต้องพร้อมด้วย 4 ทักษะใหม่ คือ Communication, Collaboration, Creativity และ Critical Thinking ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญของการใช้ชีวิตในในศตวรรษที่ 21 เลยก็ว่าได้ คุณพ่อคุณแม่จะมีส่วนช่วยลูกพัฒนา 4 ทักษะนี้ได้อย่างไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ
เมื่อเข้าสู่โลกยุคใหม่เต็มตัว การใช้ชีวิตของเด็ก ๆ ในปัจจุบันทำให้มีทางเลือกเข้ามามากมาย และเมื่อโตขึ้นพวกเขาจะต้องออกไปใช้ชีวิตและมีชีวิตเป็นของตนเอง จึงจำเป็นที่เด็ก ๆ ควรจะต้องได้รับการฝึกให้ช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องรู้จักคิดวิเคราะห์ ลองตัดสินใจอะไรเองบ้าง ซึ่งอาจนำไปสู่ทักษะการเป็นผู้นำหรือทักษะอื่น ๆ อีกที่เริ่มได้จากเรื่องง่าย ๆ
คุณพ่อคุณแม่ฝึกทักษะนี้ให้ลูกโดยให้เขาได้ใช้ความคิดในการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง เช่น
เพราะจินตนาการเป็นพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์ สร้างเด็กให้เป็นคนมีชีวิตชีวาอยู่บนโลกด้วยความหวังและคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรส่งเสริมทักษะนี้ให้ลูก เช่น ชวนลูกร้องเพลงที่แต่งกันเอง ฝึกแต่งนิทานกันเอง หรือทำกิจกรรมศิลปะ ทั้งการวาดภาพระบายสี ปั้น พับกระดาษ ตัด-แปะกระดาษสีเป็นการ์ดรูปภาพหรือเป็นเรื่องราวต่าง ๆ นำวัสดุเหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นของเล่นหรือของใช้ เป็นต้น เพื่อให้สมองได้ฝึกคิดและมีจินตนาการในการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง
นอกจากนี้ ควรปล่อยให้ลูกเล่นอย่างอิสระ เพราะการเล่นทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 มากขึ้น พร้อมทั้งช่วยพัฒนากล้ามเนื้อ รวมถึงให้ลูกได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นผิวสัมผัสของสิ่งต่าง ๆ เช่น แยกเนื้อละเอียดเนื้อหยาบของทรายได้ ทั้งยังรู้จักสังเกต และที่สำคัญคือเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์นั้นเอง
ความร่วมมือเป็นการกระทำที่เกิดในชีวิตของคนเราตลอดเวลาเพราะเราอยู่กันเป็นสังคม พ่อแม่จะเป็นผู้ที่สนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กได้กระทำโดยการเป็นแบบอย่างที่ดีและจัดสิ่งแวดล้อมให้เด็กได้ทีโอกาสปฏิบัติจริง ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาให้เด็กมีการปรับตัว เรียนรู้ ยิ่งเด็กมีโอกาสเข้ากลุ่มกับเพื่อนหรือได้มีส่วนร่วมในสังคมมากเท่าไหร่ จะยิ่งมีพฤติกรรมการให้ความร่วมมือสูงมากขึ้น ซึ่งพ่อแม่สามารถฝึกทักษะนี้ให้ลูกได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น
พ่อแม่สามารถสอนให้ลูกน้อยสื่อสารชัดเจนและมีประสิทธิภาพได้ด้วยการฝึกพูดฝึกเขียน อาจเริ่มตั้งแต่คำสั้น ๆ จนเป็นประโยคที่สมบูรณ์อย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมบอกความหมายให้เขาเข้าใจ และสำหรับในโลกที่ไร้พรมแดนแบบนี้ภาษาและการสื่อสารกลายเป็นสื่อกลางที่สำคัญมาก การสอนให้เด็กรู้จักภาษาจึงไม่ควรจำกัดเพียง 1-2 ภาษาแต่ควรเรียนรู้ภาษาที่ 3 หรือ 4 ไว้ด้วยเพื่อใช้สื่อสารกับผู้คนบนโลกใบนี้ได้อย่างคล่องแคล่วซึ่งเทคนิคการเรียนรู้ด้านภาษาหรือการฝึกสอนภาษาอื่น ๆ ให้กับลูกพ่อแม่สามารถใช้สิ่งต่าง ๆ จากรอบตัว เช่น
การให้ลูกน้อยได้ฝึกฝนจนมี 4 ทักษะเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็กเพราะเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ ซึ่งปัจจุบันหลายโรงเรียนในประเทศไทยเรายังไม่มีหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับปฐมวัยเกี่ยวกับทักษะต่าง ๆ พวกนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่พ่อแม่ควรรับรู้และสอนให้เด็ก ๆ มีทักษะแห่งอนาคตทั้ง 4 นี้ ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถอยู่รอดในสังคมและมีชีวิตที่มีคุณภาพได้ในอนาคตเมื่อโตขึ้น #EnfaFutureBrain