ดนตรี & แม่ตั้งครรภ์และลูกน้อยในท้อง

view 6,220

เมื่อพูดถึง“ดนตรี”กับลูกในครรภ์ คุณแม่อาจคิดภาพความเกี่ยวข้องกันไม่ออกแต่นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมุติฐาน ว่าเด็กในครรภ์จะสามารถรับรู้จังหวะของดนตรีได้หรือไม่ และได้ทำการศึกษาจนพบความจริงอันน่ามหัศจรรย์ว่า ลูกน้อยในท้องรับรู้จังหวะของดนตรีได้แล้ว และได้แนะนำคุณแม่ตั้งครรภ์ให้ความสำคัญกับการให้ลูกได้ฟังเสียงดนตรี เพราะจะส่งผลดีต่อพัฒนาการของลูกอย่างมาก

ดนตรี & แม่ตั้งครรภ์และลูกน้อยในท้อง

จากการศึกษาถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์จากการตรวจอัลตราซาวนด์ของ Heinz Prechtl ที่ได้ติดตาม และวิเคราะห์ภาพอัลตราซาวนด์สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลา 10 ปี พบว่าทารกมีการพัฒนาความสามารถในการรับรู้เกี่ยวกับจังหวะตั้งแต่อยู่ใน ครรภ์ได้แล้ว และสามารถเคลื่อนไหวตอบสนองตามเสียงที่มีจังหวะเร็วและช้า

  • จากการวิจัยนี้ยังพบว่า ทารกยังสามารถตอบสนองต่อเพลงที่ได้ยินจนคุ้นเคย และจะมีปฏิกิริยาต่อเพลงที่โปรดปรานด้วย รวมทั้งเพลงหรือดนตรีคลาสสิกที่คุณแม่เคยเปิดให้ฟังบ่อยๆ ขณะอยู่ในครรภ์ หลังจากคลอดแล้ว หากเปิดเพลงนั้นอีก ทารกจะแสดงให้รู้ว่าจำได้
  • Dr. Leon Thurman นักวิจัยชาวอเมริกัน ได้ทดลองเปิดเสียงดนตรีให้คุณแม่ตั้งครรภ์ฟังทุกวัน พบว่าเด็กที่คลอดออกมามีพัฒนาการด้านร่างกาย และสติปัญญาสูงกว่าเด็กทั่วไป และเด็กยังเลี้ยงง่าย มีอารมณ์ แจ่มใส รวมทั้งมีความผูกพันกับคุณแม่เป็นอย่างมากอีกด้วย
  • ศาสตราจารย์Donald J.Shetler จาก Eastman School of Musicแห่งมหาวิทยาลัยRochester ทำการศึกษาพบว่า ทารกที่ได้รับเสียงดนตรีตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จะมีอารมณ์ที่สงบเงียบ เยือกเย็น แจ่มใส มีพฤติกรรมสนใจต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้าง สามารถเลียนแบบเสียงของผู้ใหญ่ได้เร็วกว่าปกติ และยังสามารถออกเสียงอ้อแอ้ได้เร็วกว่าทารกปกติทั่วไป
  • Dr. Thomas R.Verny จิตแพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและประธานสมาคมการเสริมสร้างพัฒนาการเด็กในสหรัฐอเมริกา ได้เคยกล่าวไว้ว่า ในกลุ่มคุณแม่ที่ร้องเพลงกล่อมเด็กให้ลูกน้อยในครรภ์ฟัง ทุกวันอย่างสม่ำเสมอนั้น เมื่อลูกน้อยคลอดออกมาแล้ว และได้ยินเสียงเพลงนี้จากคุณแม่อีก ลูกน้อยมีแนวโน้มที่จะนิ่งเงียบ และแสดงอาการสนใจเพลงนั้นเป็นอย่างมาก ทําให้ทราบว่าทารกสามารถจําเสียงเพลงที่เคยได้ยินตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และเมื่อคลอดออกมาทารกก็จะมีพัฒนาการที่ดี มีอารมณ์แจ่มใส ไม่ร้องกวน ตรงกันข้ามกับเสียงรบกวนต่างๆ ที่แม่ฟังขณะตั้งครรภ์ เช่น เสียงเครื่องบิน เสียงรถไฟ ซึ่งมีผลทําให้ลูกในครรภ์มีน้ำหนักตัวน้อย ขี้ตกใจ ร้องกวนหลังคลอด และอาจทําให้คลอดก่อนกําหนดได้
  • ลูกในครรภ์อายุ 5 เดือน ระบบประสาทการรับฟังจะเริ่มทำงาน การได้ยินเริ่มต้นขึ้นและพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ตามลำดับ คลื่นเสียงที่มีโครงสร้างที่เหมาะสมจะไปกระตุ้นเครือข่ายใยประสาท ที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินให้พัฒนาระบบการทำงานได้เร็วขึ้น เมื่อลูกออกมาลืมตาดูโลกจะมีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง รู้สึกผ่อนคลาย และจดจำสิ่งต่างๆได้ดี จากการวิจัยพบว่า ลูกน้อยมีการพัฒนาความสามารถในการรับรู้เกี่ยวกับจังหวะตั้งแต่อยู่ในครรภ์ สามารถเคลื่อนไหวและตอบสนองตามเสียงที่มีจังหวะเร็วและช้าได้ สามารถแยกแยะเสียงที่คุ้นเคยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ รวมถึงจดจำเสียงที่ได้ยินบ่อยๆ เช่น เสียงคุณแม่ คุณพ่อ เสียงเพลงที่เปิดให้ฟัง
  • ดนตรีแบบไหนเหมาะกับลูกในครรภ์ มีการศึกษาของศาสตราจารย์ Woodward แห่งมหาวิทยาลัยเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ และ Michele Clements ได้ทำการศึกษาและพบตรงกันว่า เมื่อให้ทารกในครรภ์ฟังเพลงร็อก ทารกจะดิ้นอย่างรุนแรง และหัวใจจะเต้นไม่สม่ำเสมอ ในทางตรงกันข้ามหากให้ทารกฟังเพลงเย็นๆ ช้าๆ นุ่มนวล ทารกจะมีการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ และการเต้นของหัวใจก็เป็นไปอย่างปกติสม่ำเสมอ จากผลการวิจัยนี้ คุณแม่สามารถเลือกเพลงที่มีลักษณะดังกล่าวมาเปิดให้ลูกในท้องฟังได้ ไม่ว่าจะเป็นเพลงคลาสสิก เพลงไทยเดิม ฯลฯ
https://mjn.enfababy.com:443/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2/%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%20%26%20%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87