วิธีดูแลและแก้ไขเมื่อลูก ‘ชัก’

view 2,800

     ในเด็กอายุ 6 เดือน -3 ปี มักพบอาการชักได้บ่อย เพราะสมองของเด็กยังมีการพัฒนาไม่เต็มที่ จึงมีความไวต่อการกระตุ้นจากอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้น ส่วนใหญ่อาการชักมักเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว (เกิน 39 องศาเซลเซียส) และมักเกิดในวันแรกหรือวันที่ 2 ของการมีไข้ ซึ่งเด็กจะมีอาการเกร็งทั้งตัว ตาเหลือก กัดฟันและลิ้น แขนขากระตุกทั้ง 2 ข้าง ซึ่งกินเวลาประมาณ 1-3 นาที ช่วงนี้อาจมีน้ำลายฟูมปากหรือริมฝีปากและปลายมือปลายเท้ามีสีคล้ำเขียวได้ ในรายที่ชักเป็นเวลานาน หลังหยุดชักแล้วเด็กมักจะหลับหรือสะลึมสะลือไปชั่วครู่ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องตั้งสติดีๆ แล้วรีบปฐมพยาบาลให้ลูก โดย

Image 17.jpg
  • จับลูกนอนหงายและตะแคงศีรษะไปด้านข้างให้ระดับต่ำเล็กน้อยเพื่อให้น้ำลาย เสมหะ หรืออาหารไหลออกมาได้สะดวก ป้องกันไม่ให้สำลักเข้าไปอุดตันในหลอดลม และควรระวังไม่ให้ลูกได้รับอันตรายอื่นๆ จากการตกหรือล้มในขณะชักด้วย
  • คลายเสื้อผ้า ที่อาจทำให้ร่างกายลูกอึดอัดออก
  • ป้องกันลูกกัดลิ้นตัวเองด้วยการใช้ผ้าพันปลายช้อน ปากกา หรือม้วนผ้าเป็นก้อน ใส่เข้าไปในปากวางบนลิ้น แต่ถ้าลูกเกร็งและกัดฟันแรงมาก อย่าใช้กำลังงัดปากลูกในทันที เพราะอาจเกิดอันตรายได้
  • ไม่ควรเขย่าหรือตีเพื่อให้ลูกรู้สึกตัว เพราะจะทำให้ลูกชักมากขึ้น
  • ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น โปะไว้ตามข้อพับแขนขาและค่อยเช็ดตัวลูกด้วยน้ำอุ่นในทิศทางที่ย้อนเข้าหาหัวใจ เพื่อเป็นการเปิดรูขุมขน ให้ความร้อนสามารถระบายออกได้
  • ขณะลูกชัก ห้ามป้อนสิ่งใดเข้าทางปากลูกโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งยาลดไข้ เพราะอาจทำให้สำลักได้
  • เมื่ออาการชักสงบแล้ว รีบพาลูกไปพบแพทย์ที่ใกล้บ้านที่สุด เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด

     การรีบปฐมพยาบาลและพาลูกไปพบแพทย์อย่างทันท่วงทีจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากอาการชักที่มีต่อสมองของลูกน้อยได้มากขึ้น


https://mjn.enfababy.com:443/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81-%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%81