|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปัญหายอดฮิตของคุณแม่ สรุปคำตอบของคุณหมอได้ดังนี้
|
|
|
|
|
|
|
|
โดยทั่วไปถ้าเด็กปฏิเสธอาหาร แสดงว่าเด็กไม่หิว และมักสะท้อนถึงวินัยในการรับประทานอาหารที่แฝงซ่อนอยู่ด้วย นั่นคือผู้ใหญ่อาจมีความวิตกกังวลหรือความคาดหวังต่อการกินและพัฒนาการของเด็กอยู่ จึงพยายามให้อาหารเด็กอย่างต่อเนื่องบ่อยๆ จนเด็กเกิดความเบื่อ ความรำคาญเป็นสงครามการต่อสู้ไม่รู้จบ |
|
|
|
|
|
ผู้ใหญ่ลองตั้งหลักใหม่ แข็งใจรอให้ลูกหิว แสดงความต้องการอาหาร โดยระหว่างนั้นเก็บขนมกรุบกรอบ อาหารซอง ลูกอม ของขบเคี้ยวให้หมด ชวนลูกเล่นอ่านหนังสือ ร้องเพลง ฯลฯ จนถึงเวลาที่เขาถามถึงอาหาร ผู้ใหญ่จึงตอบสนองด้วยอาหารที่อร่อยและมีคุณค่าในปริมาณไม่ต้องมากนัก และให้เด็กรับประทานจนหมดได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องอาศัยการบังคับยัดเยียดจากผู้ใหญ่ ได้แค่ไหนแค่นั้น ชมเชยสำทับไปเลยว่าหนูเก่งจัง แล้วเก็บที่เหลือให้หมด ชักชวนทำกิจกรรมต่างๆ ต่อไปอีกเหมือนรอบที่แล้ว หากมีความหนักแน่นเช่นนี้ เด็กมักจะพัฒนานิสัยการกินที่เหมาะสมได้ในที่สุด เด็กที่จะปฏิเสธอาหารทั้งที่ตัวเองหิวโหยพบได้น้อยมาก |
|
|
|
|
|
ส่วนเด็กที่ทานได้น้อยเพียง 2-3 คำ ยังดีกว่าไม่ทาน เพราะแสดงว่าลูกยอมให้มีอาหารอื่นนอกจากนมอยู่ในปาก ก็พยายามเชียร์ ชมว่าเขากินได้ ให้เขากินเอง เพราะเด็กจะชอบทำอะไรเอง ถ้ารู้สึกว่าเมื่อหยิบของใส่ปากเอง ตักใส่ปากเอง เมื่อกินได้แล้วได้คำชมจากคุณแม่ เขาจะพยายามมากขึ้น ไม่ต้องบังคับกดดันให้กินหมดถ้วยตามที่คุณแม่ต้องการ เริ่มจาก 2-3 คำ เป็น 5-6 คำ ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ให้ลูกหัด ตักกินเองจากถ้วยและช้อนเล็กของลูก และคุณแม่รอจังหวะป้อนเสริมจากถ้วยอีกชุดของคุณแม่ก็ได้ ถ้าหากลูกอม ปิดปาก ก็หยุดป้อน บางทีคุณแม่จะกังวลเพราะลูกกินไปแค่นิดเดียว จะได้รับสารอาหารพอไหม แต่เมื่อรู้ว่าลูกกินไปนิดเดียว รอผ่านไปสัก 1-2 ชั่วโมงลูกจะหิว ก็จัดอาหารให้กินใหม่อีกรอบหนึ่ง หรือให้รองท้องด้วยของว่างหรือนมสักครึ่งหนึ่ง ก็จะทำให้ประทังความหิวไปได้ แล้วร่นเวลามื้อหน้าให้เร็วขึ้น และการกินอาหารแต่ละมื้อไม่ควรยืดเยื้อเกิน 30 นาที ฝึกไปเรื่อยๆ ลูกก็จะมีวินัยในการกินได้ในที่สุด |
|