คุณค่าของ Bedtime Story

view 3,686

     การอ่านนิทานก่อนนอน (Bedtime Story) ให้ลูกฟังนั้น มีคุณค่าและความหมายมากมายทั้งต่อเด็กๆ และต่อตัวพ่อแม่ ซึ่งเป็นผู้อ่านเองด้วย คุณพ่อคุณแม่สามารถอ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟังได้ตั้งแต่เล็กๆ และสามารถทำต่อไปได้เรื่อยๆ ซึ่งคุณค่าที่ลูกได้รับนั้นมีอย่างมากมายทีเดียว

  • Bedtime Story กับพัฒนาการทางภาษาของเด็ก

     มีการศึกษาทางวิชาการระบุว่า คุณแม่สามารถอ่านนิทานให้ลูกฟังได้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์ด้วยซ้ำ แต่คุณแม่อาจรู้สึกไม่แน่ใจว่าการอ่านหนังสือให้ลูกในครรภ์ที่ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ฟังนั้น ลูกจะรู้เรื่องหรือไม่ แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในระหว่างที่คุณแม่อ่านหนังสือนั้น สมองของตัวอ่อนในครรภ์สามารถซึมซับและบันทึกทั้งเสียงของคุณแม่และภาษาที่คุณแม่ใช้ถ่ายทอดเรื่องราวให้เขาฟังอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งแน่นอนว่าข้อดีของเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องพัฒนาการทางภาษาของลูกเท่านั้น แต่สายสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างคุณแม่กับลูกในท้องก็กำลังสานก่อกันขึ้นอย่างแนบแน่นอย่างยิ่งด้วย

  • Bedtime Story ช่วยบรรเทาความเครียด

     ทั้งนี้ เพราะการอ่านนิทานก่อนนอนคือเครื่องมือคลายเครียดชั้นเยี่ยม ทั้งสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เหน็ดเหนื่อยกับภารกิจการงานมาทั้งวัน และทั้งสำหรับเด็กด้วย! (ใช่แล้ว เด็กๆ ก็เครียดเป็น ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัวน้อยวัยเบบี้)

     เรารู้กันดีว่า ความเครียดเป็นตัวบ่อนทำลายสุขภาพของคนเรา ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก เมื่อใดก็ตามที่เด็กต้องเผชิญภาวะเครียดจนเกินรับแล้วละก็ จะมีผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเด็กลดลง และกลายเป็นเด็กขี้โรคเจ็บป่วยง่ายไปในที่สุด

     แต่การอ่านนิทานเพื่อให้ได้ประโยชน์ข้อนี้อย่างเต็มที่ มีข้อแม้อยู่นิดเดียวนั่นคือ พ่อแม่ต้องรู้จักเลือกเวลาในการอ่านด้วย ดร.ซุงมิน จากสถาบันสุขภาพจิตแห่งสิงคโปร์ แนะนำว่า "ช่วงเวลาอันสงบสบายผ่อนคลายก่อนนอนนั้นดีที่สุด เพราะเด็กๆ จะอยู่ในสภาพพร้อมเปิดรับสิ่งดีๆ ที่คุณหยิบยื่นให้" โดยเฉพาะช่วงเวลาอันน่าจดจำที่พ่อแม่ลูกจะได้อ้อยอิ่งอยู่ด้วยกันก่อนหลับฝันดีนั่นละสำคัญที่สุด

  • Bedtime Story ช่วยพัฒนา IQ ให้ลูก

     การอ่านนิทานเรื่องเดิมซ้ำๆ ให้เด็กในวัยหัดพูดฟัง นอกจากจะช่วยส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ภาษาแล้ว ยังช่วยพัฒนาสมองด้านความจำ ความเข้าใจ การใช้เหตุผล และการใช้จินตนาการของเด็กด้วย เพราะการได้ฟังนิทานในครั้งแรกนั้น เด็กๆ จะยังจับใจความหรือเรียนรู้อะไรจากเรื่องที่ได้ฟังไม่มากนัก ต่อเมื่อได้ฟังซ้ำๆ บ่อยครั้งเข้า เด็กๆ จะเริ่ม "จับทาง" ได้แล้วว่าเรื่องนั้นมีรูปแบบและโครงสร้างรวมทั้งความต่อเนื่องของเรื่องราวอย่างไร

     ข้อควรระวังในเรื่องนี้ก็คือ พ่อแม่ต้องไม่ทำให้ช่วงเวลาดื่มด่ำแสนสุขกับนิทานก่อนนอนกลายเป็นช่วงติวเข้มภาษาให้ลูกเป็นอันขาด เพราะการที่สมองน้อยๆ ของลูกจะเรียนรู้และจดจำได้ดีก็ต่อเมื่อเขารู้สึกมีความสุข สนุก เพลิดเพลิน ผ่อนคลาย ไม่ถูกบังคับ และต้องไม่ลืมว่าพ่อแม่ ซึ่งเป็นผู้อ่านก็ต้องมีปฏิสัมพันธ์ในแบบผ่อนคลายและเป็นหนึ่งเดียวกับลูกด้วย การชวนลูกคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความรู้สึกต่อเรื่องที่ได้อ่านไป นอกจากลูกจะได้เรียนรู้เรื่องรอบๆ ตัวซึ่งเป็นเสมือนโลกที่กว้างใหญ่ขึ้นของเขาแล้ว คุณเองก็ได้เรียนรู้และรู้จักลูกมากขึ้นๆ ด้วย

     ที่สำคัญ...โมงยามก่อนนอนควรเป็นช่วงเวลาผ่อนคลาย เพื่อสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์ของคุณและลูกด้วย คุณอาจต้องลองชั่งน้ำหนักดูว่าจะคุ้มไหมหากทำให้มันเคร่งเครียดและกลายเป็นต้นเหตุแห่งฝันร้ายของลูกรัก

  • Bedtime Story ช่วยปลูกฝังให้ลูกค่อยๆ รู้สึกรักและผูกพันกับหนังสือ

     การอ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง ยิ่งเริ่มตั้งแต่ลูกมีอายุน้อยเพียงไรยิ่งช่วยปลูกฝังความรักใคร่ผูกพันในหนังสือได้มากและลึกซึ้งเพียงนั้น เมื่อเด็กรักหนังสือแล้วเขาก็จะไม่ละเลย ไม่ฉีกทำลายหนังสือ ตรงกันข้าม เขากลับจะค่อยๆ รู้สึกว่าหนังสือไม่ได้มีไว้แค่อ่าน แต่เป็นเพื่อนเหมือนของเล่นชิ้นโปรดชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว แล้วความรักที่มีต่อหนังสือสำคัญอย่างไร...

     สำคัญตรงที่การรักหนังสือก็คือการมีนิสัยรักการอ่าน และนิสัยรักการอ่านก็สำคัญอย่างยิ่งยวดในโลกยุคปัจจุบันที่สื่อทีวีและเกมคอมพิวเตอร์เข้ามา "ขโมยซีน" ดึงความสนใจของเด็กไปมากมายเหลือเกิน ทั้งที่เทียบกันไม่ได้เลยในแง่คุณสมบัติที่ส่งเสริมการเรียนรู้ หนังสือจัดว่าเป็นของเล่นประเภทเสริมสร้างสติปัญญาชนิดหนึ่ง เป็นสื่อที่กระตุ้นให้สมองของเด็กคิดไปด้วยตลอดเวลา ขณะที่อ่าน นำไปสู่การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และทำให้เด็กได้ฝึกมองเรื่องต่างๆ ในชีวิตทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมอย่างใช้สติปัญญาใคร่ครวญมากขึ้น สมดังคำกล่าวที่ว่า "อ่านมากรู้มาก" นั่นเอง

  • Bedtime Story ช่วยพัฒนาทักษะการฟังที่ดีให้เด็ก

     เด็กๆ สนใจใคร่ฟังนิทานที่พ่อแม่เล่า เพราะเขาอยากรู้และอยากเข้าใจเรื่องราวนั้น ขณะที่ฟัง เด็กๆ ก็เปิดใจกว้างเตรียมพร้อมที่จะซึมซับทุกถ้อยคำของพ่อแม่เพื่อนำมาเรียงร้อยสร้างสรรค์เป็นโลกอัศจรรย์ในจินตนาการของตัวเขาเอง ด้วยเหตุนี้ ระหว่างที่พ่อแม่เล่านิทาน เด็กๆ จึงฝึกฝนตนเองให้รู้จักฟังอย่างตั้งใจ และในที่สุดพัฒนาจนกลายเป็นทักษะสามัญ (แต่แสนสำคัญ) ประจำตัว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้และพัฒนาสติปัญญาของเด็กตลอดชีวิต

  • Bedtime Story ช่วยสร้างนิสัยหรือวินัยการนอนที่ดีให้แก่เด็ก

     นี่คือเหตุผลสำคัญข้อหนึ่งว่าทำไมจึงต้องเป็น "นิทานก่อนนอน" นั่นเพราะสำหรับเด็กๆ แล้ว การได้ทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตตามตารางเวลาจนเป็นกิจวัตรประจำวันนั้นสำคัญอย่างยิ่ง การอ่านนิทานก่อนนอนเป็นเสมือนการตั้งนาฬิกาปลุก-ไม่ใช่เพื่อปลุกเด็กให้ตื่น-- แต่เพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้เด็กๆ รู้ (ทั้งรู้โดยความคิดและรู้โดยนาฬิกาชีวิตในร่างกาย) ว่าใกล้จะถึงเวลานอนแล้ว เป็นการฝึกวินัยการนอนแต่หัวค่ำอย่างว่าง่ายให้เด็กนับแต่เล็กแต่น้อยโดยไม่ต้องเสียแรง เวลา และอารมณ์มาเคี่ยวเข็ญให้เหนื่อยกันทั้งสองฝ่ายเมื่อตอนโต

https://mjn.enfababy.com:443/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%20Bedtime%20Story