Enfa Smart Club

• อายุ 6 เดือน ลูกเริ่มส่งเสียงอ้อแอ้พูดคุยกับพ่อแม่ โดยเข้าใจว่าจะต้องสลับกันเป็นคนพูดและคนฟัง ซึ่งถ้าพ่อแม่มีปฏิสัมพันธ์ด้วย จะเป็นแรงเสริมที่สำคัญของพัฒนาการทางภาษาของลูกน้อยทีเดียว

อายุ 8 เดือน เด็กจะเริ่มเก็บคำไว้ในหน่วยความจำระยะยาว ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจความหมายของคำเหล่านั้น เพราะมีการศึกษาที่ชี้ว่าแม้เวลาจะผ่านไป 2 สัปดาห์แล้ว แต่เด็กยังคงจดจำคำที่ผู้ทำการศึกษาเคยอ่านให้ฟังได้ อายุ 8-10 เดือน  ลูกจะเริ่มพูดชัดขึ้น แต่ยังไม่รู้จักเชื่อมโยงคำกับความหมาย คือถึงจะเรียก “มามา” ได้ ลูกก็ยังไม่รู้ว่านั่นหมายถึงคุณแม่  ต้องรอจนอายุราว 10-12 เดือน ทารกถึงจะเริ่มเรียนรู้ว่าคำต่างๆ ล้วนมีความหมาย แต่ก็อาจจะใช้คำๆ เดียวในหลากหลายโอกาส เช่น ทารกวัย 1 ขวบอาจใช้คำว่า  “หมา” เมื่อต้องการจะสื่อถึงสัตว์ 4 ขา มีขนที่เขาเห็น ซึ่งแม้สัตว์ที่เห็นนั้นคือ แมวก็ตาม อายุ 10-12 เดือน  เด็กจะเลียนแบบพร้อมกับตอบโต้เสียงที่ได้ยินได้มากขึ้น มักจะเลียนแบบการออกเสียง จังหวะ และเลียนสีหน้าท่าทางได้ดีเหมือนผู้ใหญ่ และแม้ว่าจะยังพูดไม่เป็นภาษา แต่ก็จะมี 2-3 คำที่มีความหมาย  และจะเริ่มเรียก “พ่อ” กับ “แม่” ได้แล้ว      อายุ 12 เดือน เด็กส่วนใหญ่จะเก็บข้อมูลไว้มากพอที่จะเข้าใจความหมายของคำจำนวน 50 คำ และรู้จักนำคำเหล่านั้นไปใช้ตอนอายุ 18 เดือน

การพัฒนาภาษาของลูกน้อย

• เด็กวัยนี้จะสนใจเสียงและคำซ้ำๆ โดยเฉพาะคำคล้องจอง และชอบดูรูปภาพที่มีสีสัน พ่อแม่จึงควรอ่านหนังสือให้ลูกฟัง โดยเฉพาะหนังสือภาพที่มีภาพขนาดใหญ่ สีสันสดใส
• คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยกับลูกด้วยคำพูดที่ชัดถ้อยชัดคำ หรือเรียกชื่อสิ่งของต่างๆ  ให้ลูกได้ยินอยู่เสมอ  และพยายามให้ลูกฝึกพูดตาม จะช่วยให้ลูกเรียนรู้คำศัพท์และเข้าใจความหมายได้ง่ายขึ้น

     อีกทั้งการนำหนังสือภาพมาใช้ ชี้ชวนให้ดูภาพใหญ่ๆ ในหนังสือ หาของเล่นประเภทบล็อกไม้รูปต่างๆ มาให้ลูกเล่น พร้อมบอกชื่อสีสัน รูปทรงไปด้วย ลูกจะเรียนรู้ได้จากของเล่นเหล่านี้