เล่นสนุกที่มือ.....ฉลาดที่สมอง

view 1,659

     คุณพ่อคุณแม่ทราบไหมว่า สมองใหญ่ของมนุษย์ ซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับการควบคุมการเคลื่อนไหวของมือและนิ้วมือนั้นคิดเป็นร้อยละ 30 ของการควบคุมส่วนอื่นๆ  และความรู้สึกที่ฝ่ามือนั้นกินเนื้อที่ส่วนสมองส่วนที่รับความรู้สึกทางกายถึงร้อยละ 30 ความหนาแน่นของปลายประสาทรับความรู้สึกที่กระจายอยู่ใต้ผิวหนังของนิ้วมือนั้นใกล้ชิดมากจนคนตาบอดสามารถคลำตัวอักษรเบลล์ ซึ่งประกอบด้วยรูขนาดเล็กเรียงห่างกันไม่ถึง 1 มิลลิเมตร  มือและสมองจึงมีความสัมพันธ์อย่างมาก

     สมองของเด็กพัฒนาจากการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็กพบว่า  ทักษะความคล่องตัวของกล้ามเนื้อมัดเล็กจะพัฒนาภายในช่วง  10 ปีแรก  ดังนั้นหากเด็กได้ฝึกฝนการใช้มือ  การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของมือ จะทำให้สมองสร้างเครือข่ายเส้นใยสมอง และจุดเชื่อมต่อและสร้างไขมันล้อมรอบเส้นในสมอง  และเซลล์สมองที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็กได้มาก 

     ทักษะการใช้มือจึงเป็นทักษะที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต และการเรียนรู้ของคนเรา โดยเฉพาะเด็กๆ  เนื่องจากจะต้องถูกหัดให้กินอาหารด้วยตนเอง และใช้มือในการเล่น เรียน เขียนหนังสือ มีคนเคยพูดว่า พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กจะพัฒนาไปได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น  หากเด็กไม่มีโอกาสได้ใช้มือเพื่อเป็นการสื่อในการเรียนรู้  ในขณะที่หากเด็กได้มีโอกาสใช้มือทำกิจกรรมต่างๆ  จะสามารถพัฒนาได้ในระดับที่สูงกว่า  เพราะมือเป็นเสมือนครูที่สำคัญของ เด็ก และเป็นเครื่องมือเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก เพราะฉะนั้น ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่เขาได้ใช้มือให้มากๆ

ตัวอย่างกิจกรรมการใช้มือของเด็ก

  • ใช้มือสองข้างพร้อมกัน เช่น ทาแป้งตามตัว เล่นตบแปะ ติดกระดุม ร้อยเชือก 
  • เคลื่อนไหวนิ้วมือ เช่น ต่อบล็อกไม้ เสียบหมุดเป็นรูปต่างๆ 
  • ใช้มือและนิ้วมือทั้งหมด เช่น ฉีกกระดาษ ปั้นดินน้ำมัน  เล่นดินเล่นทราย ละเลงสีด้วยมือและนิ้ว หรือใช้มือเล่นเงา  เช่น ทำเป็นรูปหมา รูปนกบิน งูเลื้อย ฯลฯ 
  • ใช้นิ้วชี้เพียงนิ้วเดียว เช่น ดีดลูกแก้ว ใช้นิ้วแตะและทากาว 
  • ใช้ข้อมือและกล้ามเนื้อมือ  เช่น  ขีดเขียนด้วยสีเทียนหรือดินสอแท่งใหญ่ๆ การวาดภาพระบายสี  เปิดหน้าหนังสือ ตักอาหารด้วยตัวเอง ค้อนตอก เป็นต้น
      1338971833_778dd496f7.jpg    

      ที่สำคัญคือ เสียงห้ามของผู้ใหญ่เมื่อเห็นเด็กใช้มือหยิบจับของใกล้ตัว ด้วยข้อหาทำให้รก สกปรก ข้าวของเสียหาย ฯลฯ นั้นคืออุปสรรคขัดขวางการเรียนรู้ของเด็ก (และเท่ากับขัดขวางการทำงานของสมองด้วย)  เด็กๆ นั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาอยากจะหยิบจับ สัมผัส สำรวจสิ่งใกล้ตัว อยากกวาดบ้าน ล้างจาน ซักผ้า รินน้ำ อาบน้ำเอง หวีผม ใส่เสื้อ ฯลฯ ด้วยตัวเขาเองบ้าง การปล่อยให้เขาได้ใช้มือเรียนรู้ สัมผัส และทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เท่ากับได้พัฒนาสมองและการเรียนรู้ของลูกโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลยค่ะ  


https://mjn.enfababy.com:443/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD.....%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87