แสนล้านเซลล์สมองกับ 4 งานวิจัยทางการแพทย์

view 9,874

     
  textDHA.png  
 

แสนล้านเซลล์สมอง พัฒนาสู่มหัศจรรย์การเรียนรู้ไม่สิ้นสุด

จากการศึกษาพบว่า เด็กแรกเกิดมีน้ำหนักสมองประมาณ 340 กรัม และมีเซลล์สมอง ประมาณแสนล้านเซลล์ แต่เซลล์เหล่านี้ยังเชื่อมโยงกันน้อย สมองของเด็กแรกเกิดจึงเหมือนกับห้องว่างๆ ที่ยังไม่ได้ตกแต่ง ยังมีข้าวของเครื่องใช้ไม่มากนัก เมื่อย่างเข้า 1 ปีแรก น้ำหนักสมองจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,100 กรัม ซึ่งเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่าตัว น้ำหนักสมองที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าอัศจรรย์นี้เกิดจากเซลล์สมองขยายขนาด และสร้างเครือข่ายเส้นใยประสาทใหม่ๆ แตกแขนงเชื่อมต่อให้เกิดการสื่อสารระหว่างเซลล์สมองมากขึ้น และขณะที่สมองมีขนาดใหญ่ขึ้นนั้น ความสามารถในการเรียนรู้ ความจำ การใช้ภาษา ความคิด การใช้เหตุผลก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย

สมองของทารกจะเริ่มสร้างเครือข่ายเส้นใยประสาทและจุดเชื่อมต่อต่าง ๆ อย่างมากมายและรวดเร็วถึง 80 % ในช่วงตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึง 3 ปีแรก หรือ 1,365 วันแรกของชีวิต และหากได้รับการส่งเสริมให้สมองสร้างการเชื่อมต่ออย่างเต็มที่แล้ว เมื่อเด็กอายุ 3 ปีสมองจะมีจำนวนเครือข่ายเส้นใยประสาทนับล้านล้านเครือข่าย นับล้านล้านจุดเชื่อมต่อ ซึ่งมากกว่าสมองผู้ใหญ่ถึง 2 เท่าทีเดียว

 
 
000745.png 000747.png

แม้ว่าเด็กทุกคนเกิดมามีสมองพร้อมสำหรับการเรียนรู้ และมีเซลล์สมองประมาณแสนล้านเซลล์ เท่าๆ กัน

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจำนวนเซลล์สมองที่ว่านี้ จะทำให้เด็ก ทุกคนฉลาด มีการเรียนรู้เท่ากันเพราะสิ่งสำคัญอยู่ที่การ เชื่อมต่อของเซลล์สมอง หากเซลล์สมองไม่มีการเชื่อมต่อ ความฉลาดหรือการเรียนรู้ของเด็กจะมีน้อยกว่าเด็กที่ เซลล์สมองเชื่อมต่อกันมาก

ดังนั้น เพื่อให้เซลล์สมองแสนล้านเซลล์ของลูกน้อยเกิดการเชื่อมต่อ และพัฒนาสูงสุด คุณพ่อคุณแม่จึงต้องหาทางเสริมสร้างการเชื่อมต่อ ของเซลล์สมอง ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าการให้ลูกได้รับโภชนาการที่ดี โดยเฉพาะการให้ลูกได้รับสารอาหารสำคัญอย่าง DHA และ ARA ในปริมาณที่เพียงพอ หรือ DHA Plus มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก มีงานวิจัยสนับสนุนถึง 4 ฉบับว่าช่วยเสริมสร้างสมองและพัฒนาการ ด้านต่างๆ ของเด็กได้อย่างแตกต่าง

 
     
 
BET.png
 
     
 
เด็กที่ได้รับนมที่เสริม DHA และ ARA จะมีทักษะการแก้ปัญหาดีกว่า
แสดงถึงการมีสมาธิ จดจำได้ และนำสิ่งที่เรียนรู้มาแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน
 
     
  เมื่อพูดถึงทักษะการแก้ปัญหา พ่อแม่ทุกคน
ต่างต้องการให้ลูกเป็นเด็กที่แก้ปัญหาเก่ง
 
     
 
ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ต้องใช้ในการทำงานและดำเนินชีวิต แต่อาจยังไม่เข้าใจว่าเด็กเล็กๆ จะ
มีปัญหาอะไรให้เขาต้องแก้ไขได้ จริงๆ แล้วเด็กๆ นั้น แม้กระทั่งเด็กทารกที่เราเห็นว่าเขากิน 
กับนอนเท่านั้น การแก้ปัญหาของเขาเกิดขึ้นมาแล้ว แต่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องง่ายๆ ตามวัย 
 
 
ของเขาแต่ นั่นก็เป็นขั้นหนึ่งของพัฒนาการในวัยเล็ก ที่จะนำไปสู่การเรียนรู้อื่นๆ ในอนาคต

สำหรับเด็กวัยแรกเกิด-6 เดือนก็จะเกี่ยวข้องกับเรื่องคนดูแล เรื่องการกิน การนอน เป็นต้น เช่น ใช้การร้องไห้เพื่อแก้ปัญหาเมื่อเกิดความหิว หรือเมื่อต้องการให้คน เข้ามาสนใจ ใช้เท้าเตะขอบเตียงเพื่อให้โมบายที่แขวนอยู่เกิดเสียง เป็นต้น เหล่านี้คือการแก้ปัญหาของเด็กวัยทารก ซึ่งคือ การทำพฤติกรรม บางอย่างเพื่อให้ความต้องการของตนได้รับการตอบสนอง

ส่วนเด็กที่โตขึ้นมา การแก้ปัญหาก็อาจจะเป็นเรื่องการเล่น เช่น หาของเล่นที่ถูกซ่อนไว้ การคลานไปเอาของเล่นที่แม่กลิ้งออกไปไกลๆ การคิดหาวิธีเล่นกับของเล่นที่ได้มา เป็นต้น และเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่ คุณพ่อคุณแม่ต้องปล่อย ให้ลูกได้แก้ปัญหา เพราะเด็กที่ได้ใช้ความคิด แก้ปัญหา จะเติบโตเป็นเด็กที่คิดวิเคราะห์เก่งมีปัญหาใดๆ ก็สามารถ แก้ไขให้ลุล่วงได้ เพราะเขาได้ใช้ทักษะนี้มาตลอด

  baby.png
 
 
มีงานวิจัยพบว่า เด็กทารกที่ได้รับนมที่มี DHA 17 มก. และ ARA 34 มก./100 กิโลแคลอรี มีทักษะการแก้ปัญหาดีกว่าทารกที่ได้รับนมที่ไม่เสริม DHA และ ARA โดยเด็กสามารถดึงผ้าเข้าหาตัว เปิดผ้าที่คลุมของเล่นไว้ และพบของเล่นที่ถูกซ่อนไว้ (วัดที่อายุ 9 เดือน)
 
     
  SHAR.png  
     
 
เด็กที่ได้รับนมที่เสริม DHA และ ARA มีความสามารถ
ในการมองเห็น (Visual Acuity) ดีกว่า ซึ่งส่งให้เด็กเรียนรู้สิ่งรอบตัวได้เร็วขึ้น
 
     
  “เพราะการมองเห็นคือจุดเริ่มต้นที่ดี
ของการเรียนรู้และความฉลาดของเด็ก”
 
     
 
การมองเห็นเป็นความสามารถแรก ที่จะนำไปสู่พัฒนาการอื่นๆ เพราะลูกจะใช้ดวงตารับรู้ข้อมูล ทำให้เกิดความอยากรู้ อยากสัมผัสสิ่งที่เห็น มือ แขน ขา เคลื่อนไหวประสานกับสายตา ทำให้สมองเกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจากข้อมูลที่ได้รับ พบว่าข้อมูลต่างๆ ที่เด็กรับรู้มาจากการมองเห็นถึงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญ เด็กๆ นั้นไม่ได้มองเห็นอย่างชัดเจนในทันทีที่ีเกิดมา ต้องอาศัยการกระตุ้นการมองเห็นของลูกน้อยให้เกิดการทำงาน

ยิ่งลูกน้อยมองเห็นมากเท่าใด ก็เท่ากับช่วยสะสมข้อมูล ต่างๆ เก็บไว้ในสมอง ก่อเกิดเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ เชื่อมโยงกันเป็นอย่างดี ส่งผลต่อความฉลาดของลูกน้อย ต่อไป

มีงานวิจัยพบว่า เด็กที่ได้รับนมที่มี DHA 17 มก. และ ARA 34 มก./100 กิโลแคลอรี มีการมองเห็น (Visual Acuity) ดีกว่าเด็กที่ได้รับนมที่ไม่เสริม DHA และ ARA (วัดที่อายุ 1 ปี)

SHAR2.png
 
     
  HIG.png  
     
 
เด็กที่ได้รับนมที่เสริม DHA และ ARA มี MDI Scores สูงกว่า
ซึ่งช่วยให้เด็กมีแนวโน้มการเรียนรู้และความจำดี
 
     
  "สติปัญญามักจะมาคู่กับความฉลาด"  
 
พ่อแม่ทุกคนต่างต้องการให้ลูกเป็นเด็กฉลาด และ ความฉลาดกับพัฒนาการทางสมองมีความเชื่อม โยงกันอย่างแยกไม่ออก

เมื่อต้องการให้ลูกฉลาด คุณพ่อคุณแม่จึงต้องให้ความ สำคัญกับการพัฒนาสมอง ซึ่งทำได้ทั้งการดูแลจัดสภาพ แวดล้อมที่ดี เด็กๆ นั้นเรียนรู้สิ่งต่างๆ ผ่านประสาท สัมผัสทั้ง 5 นั่นคือ ตาดู หูฟัง ลิ้นรับรส จมูกดมกลิ่น และผิวรับสัมผัส

เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือ การให้ลูกได้มีประสบการณ์ใน การใช้ประสาทสัมผัสด้านต่างๆ ให้มากที่สุด จึงเป็นการพัฒนาระดับสติปัญญาให้ลูกได้ ที่สำคัญเด็กๆ ควรให้ลูก ได้รับสารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมองอย่าง DHA และ ARA อย่างเพียงพอ เพื่อพัฒนาสมองและระดับสติปัญญา

  HIG2.png
 
 
มีงานวิจัยพบว่า เด็กที่ได้รับนมที่มี DHA 17 มก. และ ARA 34 มก./100 กิโลแคลอรี มีระดับสติปัญญา (MDI Score) สูงกว่าเด็กที่ได้รับนมที่ไม่เสริม DHA และ ARA ถึง +7 จุด (วัดที่อายุ 18 เดือน)
 
     
  FAS.png  
     
 
เด็กที่ได้รับนมที่เสริม DHA และ ARA มีคะแนนความสามารถทางภาษาสูงกว่า ซึ่งมีงานวิจัยอื่นสนับสนุนว่า
พัฒนาการทางภาษาที่ดีตั้งแต่วัยแรกเริ่ม จะเป็นพื้นฐานสำคัญต่อความสำเร็จด้านการศึกษาในอนาคตี
 
     
  "ภาษามีความสำคัญต่อคนเรามาก"  
 
นักวิทยาศาสตร์พบว่า พัฒนาการทางภาษาส่ง
ผล ต่อพัฒนาการด้านอื่นๆ โดยรวมของเด็ก

เพราะภาษาช่วยเสริมสร้างความสามารถในการคิด
และ การแก้ปัญหา ทั้งยังช่วยในการแสดงออก
ทางอารมณ์และ ความรู้สึกด้วย และช่วงวัยขวบปี
แรกเป็น ช่วงเวลาสำคัญ ในการสร้างรากฐานที่
มั่นคงสำหรับทักษะทางภาษา ในอนาคต

มีงานวิจัยพบว่า เด็กที่ได้รับนมที่มี DHA 17 มก.
และ ARA 34 มก./100 กิโลแคลอรี
มีความ
สามารถทางภาษา ดีกว่าทารกที่ได้รับนมที่ไม่เสริม
DHA และ ARA ถึง +6 จุด (วัดที่อายุ 4 ปี)*

  FAS2.png
 
 
นอกจากนี้ มีงานวิจัยที่สนับสนุนว่า พัฒนาการทางภาษาที่ ดีตั้งวัยแรกเริ่ม จะเป็นพื้นฐานสำคัญต่อความสำเร็จด้าน การศึกษาในอนาคต
 
 
dhaf150.png   bf150.png
 


b10-150.png  
bx150.png
 
 
 
https://mjn.enfababy.com:443/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2/%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%204%20%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C