เลี้ยงลูกให้เก่ง รู้จักแบ่งปันเพื่อคุณพ่อแม่มือใหม่

view 4,698

minipage_may01_01.jpg
          3 ครอบครัว 3 สไตล์กับการเลี้ยงลูกให้เก่งและรู้จักการแบ่งปัน เพื่อสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ ด้วยการส่งเสริมเรื่องการแก้ปัญหา ระดับสติปัญญา และภาษา เพื่อให้ลูกเติบโตขึ้นมาอย่างมีศักยภาพ และนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปสร้างสรรค์เรื่องราวที่งดงามให้กับผู้อื่นและสังคมต่อไป...

minipage_may01_07.jpg

นพ.ธีรชัย บุญยะลีพรรณ  และลูกๆ ทั้ง 3 คน

minipage_may01_04.jpg
      “ผมเน้นพัฒนาลูกผ่านการทำกิจกรรมมากกว่าเน้นวิชาการด้านเดียวครับ เมื่อผมต้องการจะส่งเสริมลูกในเรื่องการแก้ปัญหา การมองเห็น สติปัญญา และภาษา หรือเรื่องอะไรก็ตาม ผมจะทำผ่านกิจกรรมการเล่น โดยดูว่าเราต้องการเสริมลูกด้านไหนก็เล่นกิจกรรมที่เน้นด้านนั้น กิจกรรมที่บ้านผมชอบเล่นกันมากคือ เกมหาสมบัติ คล้ายๆ walk rallyโดยมีโจทย์ปริศนาให้คิดทีละขั้น เพื่อขั้นสุดท้ายให้เขาไปหาของให้เจอ ซึ่งการเล่นนี้เด็กๆ จะใช้ทักษะเยอะมาก ทั้งการอ่าน การใช้ภาษา การสังเกต การจำ การแก้ปัญหา การคิดวิเคราะห์ปริศนา...และทักษะต่างๆ สารพัดเลยครับ เพื่อหาของที่พ่อแม่ซ่อนไว้ให้ได้ พ่อแม่เองก็สนุกในการคิดค้นโจทย์กัน ทุกวันนี้โตขึ้นมาเขาก็ยังชอบเล่นกันอยู่เลย

      การที่เราเล่นและใกล้ชิดกับลูก จะทำให้เราเข้าใจและรู้ว่าลูกคนไหนควรจะส่งเสริมพัฒนาการด้านไหน เราก็จะเล่นกิจกรรมโดยเน้นเรื่องนั้นมากขึ้น ตัวอย่างเช่นลูกชายคนเล็กของผม ตอนเด็กๆ เขาจะพูดช้ากว่าเมื่อเทียบกับพี่ๆ ที่เป็นผู้หญิง ผมก็จะใช้วิธีอ่านหนังสือกับเขา ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าการอ่านจะช่วยเรื่องพัฒนาทางภาษาของเด็กๆได้ เด็กที่ได้ฟังการอ่านหนังสือก็มีจะข้อมูลเก็บไว้มาก และเขาก็จะต้องการพูดมันออกมา อีกเรื่องที่ผมเน้นลูกก็คือ การแก้ปัญหา ซึ่งไม่ใช่การแก้โจทย์เลข แต่เป็นการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัยของเขา อย่างเช่นเวลาผมพาเขาไปห้างสรรพสินค้า ก็จะลองให้เงินเขา และบอกให้ลองไปหยอดโทรศัพท์สาธารณะเพื่อโทรหาพ่อ เพราะเด็กสมัยนี้หลายคนใช้โทรศัพท์สาธารณะไม่เป็น จำเบอร์พ่อแม่ไม่ได้ เพราะอยู่ในมือถือหมด หากวันไหนที่มือถือหายแล้วเกิดปัญหาล่ะจะทำอย่างไร

      ผมมักจะสอนลูกในเรื่องการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะถือว่าเป็นพื้นฐานของคุณธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ของคนเรา  ลูกผมคนเล็กเรียนโรงเรียนเรียนร่วม เขาได้มีโอกาสสอนหนังสือเพื่อนที่เป็นเด็กพิเศษ ตอนเล็กๆ เขาเคยไม่เข้าใจว่าเรื่องเพียงแต่นี้ทำไมเพื่อนจึงไม่รู้  ผมต้องบอกเขาว่า คนเรามีเรื่องที่เก่ง เรื่องที่ชำนาญไม่เหมือนกัน เวลาลูกเตะบอลไม่เก่ง ลูกชอบมั้ยเวลาใครมาว่าเรารู้สึกอย่างไร ตอนนี้เพื่อนคนนั้นก็คงรู้สึกอย่างนั้น ผมเน้นเรื่องแบบนี้มาก ผมส่งเสริมลูกเวลาที่เขามีโอกาสช่วยเหลือดูแลเพื่อน มีโอกาสได้เป็นผู้ให้ ตอนนี้ลูกก็เข้าใจ และดูแลเพื่อนได้ดี”

 minipage_may01_06.jpg

minipage_may01_15.jpg

คุณอาทิตยา แก้วมั่น  และน้องโบกี้

minipage_may01_14.jpg
        เด็กชายอายุ 3 ขวบคนหนึ่งกำลังมุ่นมั่นกับการทำให้รถไฟขบวนหนึ่งบนรางที่แบตเตอรี่หมดให้วิ่งได้ โดยเอาขบวนที่ยังมีแบตเตอรี่อยู่มาต่อท้าย แล้วดันให้ขบวนนั้นสามารถวิ่งไปบนรางได้ แสดงถึงการมีทักษะการแก้ปัญหาที่ดี..นี่คือน้องโบกี้ ที่คุณม่ต่ายบอกว่าชอบเล่นต่อรถไฟให้แล่นไปบนรางมาก จากการดูหนังเรื่อง Thomas and Friends ทำให้เขาชื่นชอบรถไฟ และต่อยอดไปสู่รถอื่นๆ และเล่นรถไฟบนรางทุกวันจนสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะเล่นได้ ซึ่งเป็นทักษะที่คุณแม่เองก็ได้ส่งเสริมมาตั้งแต่ต้น

      “คิดว่ามีทักษะการแก้ปัญหาเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับคนเรา จึงจะฝึกการแก้ปัญหาให้ลูก โดยจะสร้างเหตุการณ์เพื่อให้เกิดปัญหาเฉพาะหน้าบ้าง จะลองฝึกให้ลูกลองใช้ความคิดเอง และคุณแม่จะเพียงแค่สังเกตและปล่อยให้เขาลองคิดแก้ปัญหานั้นเอง เช่น เมื่อลูกถือของอยู่ในมือทั้งสองข้าง เราก็บอกให้เขาช่วยคุณแม่ถือของเพิ่มขึ้น เพื่อดูว่าจะทำยังไง ลูกก็จะยืนคิดแล้วเอาของที่ถืออยู่หนีบไว้ที่ใต้แขนและเอื้อมมือมาช่วยคุณแม่ถือของ  หรือเมื่อเขาต้องการของเล่นที่อยู่บนที่สูงมาก เราจะดูว่าเขาทำยังไง เขาก็จะไปหาเก้าอี้ ถังน้ำ ตะกร้าผ้า เอามาคว่ำ แล้วขึ้นไปเหยียบเพื่อไปหยิบของที่ตนเองต้องการ การที่เขาแก้ปัญหาเรื่องรถไฟแบตหมดได้ คิดว่าคงเป็นผลมาจากการที่เราส่งเสริมเขาด้วยค่ะ

      อีกอย่างที่จะฝึกเขามากคือ เรื่องการมอง การสังเกตรายละเอียดสิ่งรอบตัว จะชี้ชวนให้ลูกดูว่านั่นคืออะไร ลูกชอบรถมาก ชอบเกือบทุกชนิดเลยค่ะ เห็นรถวิ่งบนถนนก็จะบอกได้ว่า เป็นรถอะไร อีกอย่างก็ทราบว่าทักษะทางภาษาเป็นเรื่องสำคัญ จึงได้ส่งเสริมเรื่องภาษาให้ลูกตั้งแต่เล็กๆ ทั้งอ่านนิทานให้ฟัง เล่าเรื่องดูภาพ เล่นทายภาพแผ่นภาพบัตร ก –ฮ  A- Z  เล่นทายคำบนภาพบัตรแต่ละภาพ ลูกจะสนุก และจำได้เมื่อเห็นของที่เหมือนในภาพนั้นๆ แต่คุณแม่ก็ไม่ได้ลืมที่จะสอนเขาให้คิดถึงคนอื่นด้วย เขาจะเป็นเด็กที่ค่อนข้างอ่อนโยน ชอบเป็นห่วงคนอื่น และเพื่อปลูกฝังลูกเรื่องแบ่งปันให้คนอื่น  เราก็ชวนกันทำ “ปฏิทินคำศัพท์” โดยน้องโบกี้ขอเลือกคำศัพท์ที่เกี่ยวกับรถค่ะ เช่น รถไฟ รถยนต์  เพื่อมอบให้เป็นสื่อการเรียนรู้ของเด็กๆ ร่วมกับ Enfa Smart Club  ที่จะไปพัฒนาศูนย์เด็กเล็กด้วยค่ะ”

minipage_may01_13.jpg

minipage_may01_23.jpg

คุณมณฑาทิพย์ ปิ่นทำนัก  และน้องออดี้

minipage_may01_24.jpg
      เด็กวัยเพียง 3 ขวบกว่า แต่น้องออดี้กลับมีคลังคำศัพท์มากมายพอที่จะทำให้เขาเล่าเรื่องเก่ง พูดจาฉะฉานรู้เรื่องเกินวัย ทำให้หนุ่มน้อยคนนี้ได้รับเชิญไปออกรายการโทรทัศน์มาหลายรายการ ซึ่งเป็นรายการที่เด็กต้องมาเล่าสิ่งที่เห็นให้ผู้ใหญ่ทาย หรือการเล่าเรื่องจากภาพที่เห็นเป็นนิทาน เป็นต้น แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่มีทั้งไหวพริบ สติปัญญา และการใช้ภาษาที่ดี...ซึ่งแน่นอนว่าเกิดจากการส่งเสริมจากคุณแม่อีกเช่นกัน
minipage_may01_18.jpg

      “คุณแม่จะเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ของน้องออดี้ผ่านการเล่นและเสียงดนตรี ซึ่งคุณแม่ฟังตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์แล้วค่ะ จนกระทั่งน้องคลอดออกมาเขาจะเป็นเด็กอารมณ์ดี ไม่งอแง และชอบเสียงเพลงค่ะ พอน้องโตมาก็สอนให้น้องรู้จักคำศัพท์เกี่ยวกับสี ซึ่งจะใช้การเปรียบเทียบ เช่น สีเขียวเหมือนใบไม้ สีเหลืองเหมือนกล้วย  สีแดงแอปเปิ้ล เป็นฝึกการมองการสังเกตรายละเอียดของสิ่งต่างๆ โดยการเปรียบเทียบให้เขาเห็น เขาจะเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น เวลานอน ก็จะร้องเพลง ABC ท่อง ก-ฮ  นับ 1-10 เป็นภาษาไทยและอังกฤษกล่อมจนน้องหลับ ทำแบบนี้ทุกวันจนตอนนี้ คุณแม่แม่ชอบอ่านหนังสือนิทานให้เขาฟังตั้งแต่ยังเล็ก อ่านจบก็ชวนพูดคุยว่าเขาคิดยังไงกับเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ฟัง เป็นการฝึกการคิดเขาด้วย หนังสือนิทานเล่มไหนมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษ คุณแม่ก็จะสะกดให้เขาฟังทีละตัว และพยายามอ่านออกเสียงให้ถูกต้องและก็แปลให้รู้ด้วย น้องออดี้จะคุ้นเคยและจำกับคำศัพท์เหล่านั้นได้เมื่อไปโรงเรียน  และอ่านออกเสียงได้ค่อนข้างถูกต้องชัดเจน น้องเรียนรู้เรื่องภาษาได้มาก จนน้องเขาได้ไปออกทีวีหลายรายการ ซึ่งทางทีมงานต้องสัมภาษณ์น้องตัวต่อตัว โดยไม่ให้คุณแม่เข้าไปด้วย เราก็ลุ้นว่าเขาจะตอบพี่ๆ รู้เรื่องมั้ย ปรากฏว่าผ่านค่ะ

      เด็กจะมีความสุขได้ ไม่ใช่เก่งเพียงอย่างเดียว คุณแม่จึงสอนให้เขาในเรื่องของจิตใจด้วย เช่น การแบ่งปัน แบ่งขนม แบ่งของเล่นให้เพื่อน และฝึกให้ช่วยคุณแม่เก็บของเล่นทุกครั้ง หรือเวลาเขาเห็นน้องที่ตัวเล็กกว่าก็จะเข้าไปดูแล ช่วยเหลือเก็บรองเท้าให้ และเราก็ไปบริจาคสิ่งของกันบ่อยๆ ครั้งนี้เลยชวนน้องประดิษฐ์กระป๋องดนตรี ส่งไปให้กับเด็กๆ ที่ศูนย์เด็กเล็กกับโครงการ Helping Hand ของมี้ด จอห์นสันด้วย คิดว่าเป็นการปลูกฝังเขาให้รู้จักการให้ผู้อื่นอีกทางหนึ่งค่ะ”

       เมื่อเด็กๆ ได้รับการส่งเสริมศักยภาพด้านต่างๆ คุณพ่อคุณแม่อย่างเต็มที่  เขาก็พร้อมที่จะต่อยอดการเรียนรู้ และสร้างสรรค์เรื่องราวที่งดงามกับผู้อื่นต่อไป... minipage_may01_22.jpg
minipage_may01_23.jpg
https://mjn.enfababy.com:443/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2/3%20%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%99