การนอนช่วยพัฒนาสมองเด็กอย่างไร
view 3,775
การนอนหลับเป็นสิ่งจำเป็นมากต่อร่างกายคนเราทุกคน คนเราใช้เวลา 1 ใน 3 ของช่วงชีวิตในการนอนหลับ การนอนเท่านั้นจะทำให้สมองและร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ และในช่วงเวลาที่นอนหลับนั้น สิ่งต่างๆ ที่เราได้เรียนรู้ระหว่างวันจะถูกบันทึกไว้ในความจำถาวรของสมอง ซึ่งกระบวนการนี้เป็นสิ่งสำคัญและมีความจำเป็นมากโดยเฉพาะในเด็ก การนอนหลับที่ดีจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย และพัฒนาการทางสมองของเด็ก
|
|
แม้เด็กๆ ดูจะนอนง่ายกว่าผู้ใหญ่ กินเสร็จแล้วก็นอน แต่เราก็พบปัญหาการนอนหลับในเด็กเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการนอนกรน นอนไม่หลับ หรือมีพฤติกรรมที่ผิดปกติระหว่างการนอน เช่น นอนละเมอ ร้องไห้โวยวายระหว่างนอน หลับฝันร้าย นอนกัดฟัน เป็นต้น และปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กได้ การนอนหลับสำคัญมากสำหรับการทำงานของสมอง โดยเฉพาะการเรียนรู้และการเพิ่มทักษะในการเคลื่อนไหว เช่น การเล่นกีฬา การเล่นดนตรี เพราะแม้ว่าร่างกายส่วนใหญ่จะพักผ่อน และการรับรู้จะลดลงจนไม่รู้สึกตัวในเวลานอนหลับ แต่ในบางช่วง สมองหลายบริเวณจะทำงานจัดระเบียบความจำที่เกิดจากประสบการณ์ ความคิดความรู้สึกในวันนั้น เรียบเรียงเก็บความจำเพื่อใช้งาน เพื่อการเรียนรู้และการทำงานขั้นต่อไป เมื่อตื่นขึ้นจึงพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ สามารถจดจ่อมีสมาธิ และแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การนอนหลับยังช่วยผ่อนคลายความเครียด เมื่อนอนเต็มอิ่มตื่นแล้วจึงรู้สึกสดชื่น เด็กอนุบาลอายุประมาณ 3 ขวบ จะนอนทั้งวันประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน โดยจะนอนตอนกลางวันประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนเด็กวัย 4-6 ขวบ จะนอนประมาณ 8-12 ชั่วโมง ขึ้นกับเด็กแต่ละคนและขึ้นกับกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันว่าสร้างความอ่อนเพลียให้เขาเพียงไหน |
อาการที่แสดงว่าเด็กพักผ่อนนอนหลับไม่พอ คืออารมณ์หงุดหงิดง่าย ซึมเหม่อลอย ไม่อยากออกกำลังกาย วิ่งเล่นในยามเย็น เพราะอยากนอน เด็กที่นอนในช่วงเย็น ตื่นมาตอนพลบค่ำ และกว่าจะเข้านอนอีกทีก็ดึกมาก พอนอนดึกมากก็ตื่นสาย พอตื่นสาย กลางวันเวลาคุณครูให้นอนก็ยังไม่ง่วง แต่พอตกบ่ายก็เซื่องซึม ตกเย็นก็อยากหลับ วนเวียนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพและการเรียนรู้ของเขา
การให้ลูกนอนกลางวันอย่างที่วัยเขาควรจะเป็น จะช่วยให้วงจรการนอนของลูกเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ และจะส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกค่ะ