การเลี้ยงดู หนูน้อยวัยนี้...
view 3,284
Symphonies, Play and Language ดีอย่างไรกับหนูน้อยของเรานะ การเลี้ยงดูเจ้าตัวเล็กในวัยนี้ ให้มีทั้งพัฒนาการทางร่างกายและสมองก็ต้องใช้วิธีที่ทั้งมีประโยชน์ และสนุกสนานเพลิดเพลินทั้งคุณแม่และคุณลูกกันนะคะ เริ่มต้นจาก
เปียโน ดนตรีมหัศจรรย์ของหนูน้อยวัยนี้
หรือแม้แต่นักฟิสิกส์อีกคนที่ชื่อ กอร์ดอน ชอว์ (Gordon Shaw) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เขาก็สันนิษฐานเอาไว้เหมือนกันนะคะว่า การเรียนเปียโนจะทำให้เราเห็นภาพการทำงานในช่วง เวลานั้นๆอย่างเช่น เวลาที่นิ้วมือขยับไปมาก หรือการที่คีย์หรือตัวโน้ตแต่ละตัวที่ทำให้เกิดเสียง ดนตรีที่แตกต่างกันนั้น จะทำให้สมองสร้างเส้นใยประสาทขึ้นมา เพื่อคิดเชื่อมโยงกันระหว่าง ตำแหน่งของคีย์เปียโนกับเสียงที่เกิดขึ้น และการใช้เสียงดนตรีอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงของเส้นใยประสาทในระยะยาวนั่นเองค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมคะว่า เปียโนจะมี ประโยชน์มากกว่าเป็นแค่เครื่องดนตรีที่มีเสียงเพราะๆ เท่านั้น นี่แหละค่ะคือสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิด ขึ้นแล้ว
เด็กวัยนี้ ชอบเสียงเพลงที่สุด ลองสังเกตดูสิคะว่า ลูกเรา ลูกเพื่อนเรา ลูกของพี่ข้างบ้าน หรือแม้แต่ น้องที่ออฟฟิศ ถ้าลองเปิดเพลงจังหวะสนุกๆ ให้เด็กๆ อายุ 3-6 ขวบ ฟัง ส่วนใหญ่จะต้องร้องเพลงเสียงดังๆ ตามอย่างมีความสุข หรือไม่ก็ต้อง ลุกขึ้นมาออกลีลาเต้นท่านั้นท่านี้อย่างสนุกสนาน จนคุณแม่อย่างเรา เหมือนได้ดูการแสดงพิเศษเสียเพลินไปเลยค่ะ แต่มานึกอีกที เอ๊ะเรา ยังไม่เคยสอนลูกร้องหรือเต้นเพลงนั้นเลยด้วยซ้ำ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า เด็กวัยนี้ชอบเสียงเพลงเป็นพิเศษนั่นเองค่ะแถมดนตรียังมีประโยชน์ มากๆ ทั้งในแง่ของการเรียนรู้ ความฉลาด เพราะจังหวะและทำนองของ เสียงดนตรี จะช่วยให้สมองของเจ้าตัวเล็กเปิดรับการเรียนรู้ ช่วยสร้าง สมาธิ และช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองที่เกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ |
อย่างมีเหตุผลได้เป็นอย่างดีค่ะ ง่ายๆ เลยก็คือ เสียงดนตรีทำให้ลูกมีสมาธิเวลาเรียน เป็นเด็กที่มี ความสุขมากขึ้น กลายเป็นเด็กสบายๆ ผ่อนคลาย และผลที่ตามมาที่ทำให้แม่ๆ อย่างเรายิ้มแก้ม ปริก็คือ ผลการเรียนก็จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นด้วยนะคะ รู้แล้วอย่าปล่อยให้ลูกอ่านหนังสือจน เครียดมาหาเวลาเปิดเพลงให้ลูกฟังบ้างก็จะดีไม่น้อยเลยนะคะ
Tip : ให้เจ้าตัวเล็กของเราฟังเพลงคลาสสิคบ่อยๆ นะคะ เพราะจังหวะและทำนองของเพลง คลาสสิคจะช่วยในเรื่องพัฒนาการและความสามารถของสมองได้ค่ะ ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะ จังหวะและทำนองที่ซับซ้อนสม่ำเสมอช่วยกระตุ้นคลื่นสมองให้ตื่นตัว ช่วยต่อยอดความคิด สร้างสรรค์จินตนาการ ทำให้เด็กในวัยกำลังเรียนรู้อย่างนี้ได้พัฒนาสมองและความสามารถ ทุกด้าน ง่ายๆ ก็คือทำให้เด็กฉลาดสดใส มี IQ และ EQ ดีไปพร้อมๆ กัน ดนตรีดีอย่างนี้แล้ว จะไม่ให้ลูกเล่นดนตรีได้อย่างไรล่ะคะว่าไหม?
การฟังและเล่นดนตรี ดีอย่างไรกับหนูน้อย 3-6 ขวบ
- ผ่อนคลาย ก่อนนอนลองเปิดเพลงให้เจ้าตัวเล็กฟังดูสิคะ เจ้าตัวเล็กจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ไม่เครียด นอนหลับง่ายและสบายขึ้นด้วย และยังทำให้ Growth Hormone หรือฮอร์โมนเพื่อการ เจริญเติบโตหลั่งได้ เต็มที่ ทำให้สมองลูกผ่อนคลาย และพร้อมต่อการกระตุ้นการเรียนรู้ และรับข้อมูลใหม่ๆ ได้ดีด้วยค่ะ
- อารมณ์ดี ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะ ร่างกายและกล้ามเนื้อของเจ้าตัวเล็ก รวมถึงระบบประสาทส่วนต่างๆ ผ่อน คลายนั่นเอง ก็เลยทำให้อารมณ์ดี จิตใจสงบ ยิ่งถ้าเป็นเพลงที่มีจังหวะและทำนอง ที่หลากหลายก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นการทำงานและเสริมสร้างเส้นใยประสาทในสมองของ ลูกรักทำให้ช่วยเพิ่ม ความสามารถในการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิชา อื่นๆที่ต้องใช้ทักษะทางความ คิดด้วยค่ะ
- มีจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ เสียงเพลงยังช่วยเพิ่มความสามารถด้านภาษาและการอ่านให้กับลูกเราด้วยนะคะ คือจะ กระตุ้น ให้ลูกสื่อสารข้อมูลไปส่วนต่างๆ ของสมองได้ดีขึ้น ลูกจะเกิดจินตนาการ มีความ คิดสร้างสรรค์อารมณ์เพลิดเพลิน เกิดการเรียบเรียงความคิด มีเหตุมีผล ช่วยทบทวน ความจำและหยิบกลับมาใช้ได้ดีด้วยค่ะ ถ้าลูกไม่ชอบเล่นดนตรีคลาสสิก เราอาจหาเพลง คลาสสิคมาเปิดให้ลูกฟังบ่อยๆ แทนก็ได้เหมือนกันนะคะ
เด็กๆ เนี่ยยิ่งเรียน ยิ่งเล่น ก็ยิ่งรู้ ยิ่งจำได้รวดเร็ว เพราะฉะนั้นการเล่น จำเป็นสำหรับเจ้าตัวเล็กของเราไม่แพ้การเรียนรู้อย่างอื่นเลยนะคะ เพราะการเล่นก็ทำให้ลูกได้ของแถมเป็นความฉลาดไปพร้อมๆ กัน ด้วย เพราะระหว่างที่ลูกเล่น เขาก็ต้องรู้จักสังเกต ทดลอง ทดสอบ ใช้ความคิด มีสมาธิ และรู้จักเลือกตัดสินใจจัดการกับของเล่นแต่ละ ชิ้นในแบบที่แตกต่างกันด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นการเล่นก็เท่ากับเป็นการ บริหารทั้งสมองและร่างกายไปในตัว ทำให้เด็กๆ ได้เคลื่อนไหว ได้ หัดคิดวิเคราะห์ สมองได้พัฒนาตลอดเวลา แถมเล่นแล้วยังสนุกด้วย จิตใจเบิกบาน ขนาดนักวิชาการต่างๆ ยังยอมรับเลยนะคะว่า การ เล่นของลูกเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญและมหัศจรรย์ที่ช่วยพัฒนา ทักษะของเจ้าตัวเล็กได้อย่างสมบูรณ์พร้อมเลยค่ะ |
ดนตรี...เรียนเมื่อไหร่ดีนะ
เรารู้ดีว่าเด็กๆ กับการเล่นเป็นของคู่กัน เด็กๆ เนี่ยยิ่งเรียน ยิ่งเล่น ก็ยิ่งรู้ ยิ่งจำได้รวดเร็ว เพราะฉะนั้นการเล่นจำเป็นสำหรับเจ้าตัวเล็กของเราไม่แพ้การเรียนรู้อย่าง อื่นเลยนะคะ เพราะการเล่นก็ทำให้ลูกได้ของแถมเป็นความฉลาดไปพร้อมๆ กันด้วย เพราะระหว่างที่ลูกเล่น เขาก็ต้องรู้จักสังเกต ทดลอง ทดสอบ ใช้ความคิด มีสมาธิ และรู้จักเลือกตัดสินใจจัดการกับของเล่นแต่ละชิ้นในแบบที่แตกต่างกันด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นการเล่นก็เท่ากับเป็นการบริหารทั้งสมองและร่างกายไปในตัว ทำให้เด็กๆ ได้เคลื่อนไหว ได้ หัดคิดวิเคราะห์ สมองได้พัฒนาตลอดเวลา แถมเล่นแล้วยังสนุกด้วยจิตใจเบิกบาน ขนาดนักวิชาการต่างๆ ยังยอมรับเลยนะคะว่า การเล่นของลูกเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญและมหัศจรรย์ที่ช่วยพัฒนาทักษะ ของเจ้าตัวเล็กได้อย่างสมบูรณ์พร้อมเลยค่ะ
ชวนลูกวัยซนเล่นอะไรที่ดีกับสมอง?
แวะไปแผนกของเล่นทีไร ตาลายเลยใช่มั้ยคะว่าจะเลือกอะไรให้ลูกของเราเล่นดี ก็ของเล่น มีอยู่มากมาย จะแค่หยิบๆ ซื้อๆ มาคงไม่ได้หรอกค่ะ เพราะของเล่นแต่ละชิ้นก็เหมาะกับแต่ละ วัยด้วย เพราะฉะนั้นคนเป็นแม่อย่างเราก็ต้องรู้ว่า ของเล่นแบบไหนเหมาะกับลูกวัยนี้ของเรา ที่สุดด้วยค่ะ
เด็กวัยนี้ชอบเล่นอะไรกัน : ของเล่นที่ประดิษฐ์ดัดแปลงด้วยตัวเอง อย่าง เลโก้ ต่อบล็อก จิ๊กซอว์ เกมนับเลข เกมจับผิดหัดสังเกต จับคู่โยงภาพแบบง่ายๆ โดมิโน บิงโก เกมบันไดงูสอน เจ้าหนูนับเลข หุ่นยนต์ตุ๊กตา ที่เปลี่ยนรูปร่างได้
เล่นแล้วดีอย่างไร : เพราะลูกวัย 3-6 ปี จะเริ่มคิดอย่างมีเหตุผล และมีจินตนาการสร้างสรรค์ มากมายเด็กวัยนี้ก็เลยชอบเล่นอะไรที่เน้นความคิด เขาจะได้ฝึกทักษะด้านความคิดให้เป็น ระบบขึ้น รับรองว่าของเล่นที่เราแนะนำถูกใจเด็กวัยซนอย่างนี้ดีเลยค่ะ แล้วเราก็ต้องชวนลูกเล่น บ่อยๆ นะคะ เพราะยิ่งเล่นก็ยิ่งได้ประสบการณ์ จะได้พัฒนาสมอง สติปัญญา และการเรียนรู้ของ เจ้าตัวเล็กให้มากขึ้นด้วยค่ะ
มีงานวิจัยล่าสุดพบว่า เด็กๆ ที่เล่นอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน จะมีการเปลี่ยนแปลงของคลื่น สมองไปในทางที่ดี ก็คือกล้ามเนื้อสมองมีการพัฒนา ทำให้เด็กๆ จดจำและมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นค่ะ ถ้าเขียนเป็นสูตรก็ได้แบบนี้เลยค่ะ
เล่น = มีความสุข + ฉลาด เกิดจินตนาการ ร่างกายแข็งแรง
ลองสังเกตตัวเองดูสิคะว่า เราเป็นคุณแม่ช่างคุยกับลูกหรือเปล่า แต่ละวันคุยกับเจ้าตัวเล็กมาก น้อยแค่ไหน เพราะจริงๆ แล้วการพูดคุยกันง่ายๆ ตามประแสแม่ลูก มีประโยชน์กับการเรียนรู้ ของเจ้าตัวเล็กมากๆเลย เพราะการพูดคุยจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางสมองพัฒนาการด้าน ภาษาและการเรียนรู้ ถ้าคุยกับลูกบ่อยๆ ก็เท่ากับเป็นการวางรากฐานที่มีคุณค่าให้กับลูกค่ะ
นอกจากการพูดคุยด้วยกันแล้ว การอ่านหนังสือหรือการอ่านออกเสียง ก็สำคัญพอๆ กับการคุย กับลูกเลยนะคะ เพราะหนังสือถือเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ดีของลูกเราอยู่แล้ว ถึงแม้ยุคไฮเทค อย่างนี้จะมีอินเตอร์เน็ต และสื่ออื่นๆ ที่รวดเร็วแค่ไหนก็ตาม แต่หนังสือจับต้องได้ ยิ่งเล่มไหน ที่มีรูปภาพมีสีสันสดใส เวลาหยิบมาอ่านให้ลูกฟังก็ยิ่งช่วยดึงดูดให้เจ้าตัวเล็กสนใจอยากอ่าน หนังสือได้มากขึ้นเท่านั้นและการอ่านยังช่วยพัฒนาสมอง พัฒนาภาษาและการเรียนรู้ของ เจ้าตัวเล็ก เด็กๆ ที่พ่อแม่ใส่ใจคุยด้วยบ่อยๆ อ่านหนังสือด้วยกันบ่อยๆ ก็จะช่วยให้เป็นเด็กที่มี พัฒนาการทางสมองที่ดี ความจำดี และเป็นเด็กที่ใช้ภาษาได้ดีในอนาคตด้วยค่ะ รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าเราอยากให้ลูกอ่านออกเขียนได้อย่างดี และพูดจาดูดีด้วย ก็ต้องขยันอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ทุกวันนะคะ
Tip : ถ้าจะอ่านหนังสือให้ลูกรักอายุ 3-6 ปีฟังล่ะก็ อย่าลืมสอดแทรกเทคนิคการเรียนรู้และ การจดจำรวมทั้งการตอบคำถามให้กับลูกด้วยนะคะ เพราะเจ้าตัวเล็กกำลังเริ่มอ่านเขียน เขาเริ่ม เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ได้บ้างแล้วค่ะ เวลาอ่านหนังสือด้วยกัน เราลองแปลงร่างเป็นคุณแม่ขี้สงสัย ตั้งคำถามถามลูกบ่อยๆ สอนวิธีจำตัวอักษรแต่ละตัวด้วยเทคนิคสนุกๆ แล้วให้เจ้าตัวเล็กลอง อ่านตามและลงมือเขียนดูค่ะ วิธีนี้จะช่วยปูพื้นฐานการเรียนรู้ที่ดี ทำให้ลูกมีพัฒนาการการอ่าน และเขียนได้เร็วขึ้นด้วยนะคะ
กิจกรรม : อ่านหนังสือกับลูก เวลาว่างๆ แทนที่จะปล่อยให้ลูกอยู่กับตัวเอง ยอดคุณแม่อย่างเราลองชวนลูกมานั่งเล่นที่โซฟา แล้วอ่านหนังสือกับลูกดูบ้างสิคะ รู้ไหมว่าจะทำให้เกิดอะไรดีๆ ขึ้นบ้าง
- พ่อแม่ลูกได้ใช้เวลาใกล้ชิดกันมากขึ้น เป็นการเพิ่มความอบอุ่นให้กับครอบครัวด้วยค่ะ
- ลูกจะได้รู้ว่าอ่านแบบไหนถึงจะถูกต้อง
- เป็นการเพิ่มสมาธิและความสนใจให้ลูกรักไปในตัว
- ช่วยให้รู้จักสังเกตสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวได้อย่างรวดเร็ว
- ช่วยพัฒนาทักษะภาษาด้านไวยากรณ์
- เป็นการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการ
- ช่วยปลูกฝังนิสัยรักการอ่านติดตัวไปกับเจ้าตัวเล็กด้วย