ธรรมชาติกับความฉลาดของลูกน้อยในครรภ์
view 4,933
ธรรมชาติกับความฉลาดของลูกน้อยในครรภ์
ในช่วงไตรมาสที่ 2-3 ของการตั้งครรภ์ ลูกน้อยสามารถรับสัมผัสจากธรรมชาติที่อยู่รายรอบตัวของคุณแม่ได้แล้วนะคะ นั่นเพราะระบบประสาทส่วนต่างๆ ของลูกเริ่มพัฒนาและทำงานดีขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถรับรู้และตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นจากภายนอกได้แล้ว
การที่คุณแม่พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ ได้เดินเล่นรับอากาศปลอดโปร่งโล่งบริสุทธิ์ มีต้นไม้ สายน้ำ และแดดอ่อนๆ บ้าง จึงมีส่วนช่วยเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อยในครรภ์ได้
เพราะนอกจากธรรมชาติรอบตัวจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายแล้ว อากาศบริสุทธิ์ ที่คุณแม่ได้รับ ยังช่วยให้ลูกน้อยได้รับออกซิเจนซึ่งสำคัญต่อการพัฒนาสมองของลูกเพิ่มขึ้น เสียงจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเสียงน้ำไหล เสียงลม เสียงนกร้อง ล้วนช่วยให้ระบบประสาทและสมองที่ควบคุมการได้ยินมีพัฒนาการที่ดีและเตรียมพร้อมสำหรับการได้ยินหลังคลอด แสงแดดอ่อน ช่วยกระตุ้นประสาทตาของลูกให้พัฒนาได้ดีขึ้น รวมทั้งช่วยให้ลูกรับรู้และสัมผัสกับความต่างระหว่างช่วงเวลากลางวันกลางคืนได้ด้วย การเดินเล่นชมนกชมไม้ จะทำให้ลูกในท้องมีการเคลื่อนไหวตามไปด้วย และผิวกายของลูกจะไปสัมผัสกับผนังด้านในของมดลูก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสของลูกให้พัฒนาได้ดีขึ้น
สิ่งสำคัญคือ นอกจากธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยให้ลูกน้อยในครรภ์มีสมองดีแล้ว ยังช่วยให้ลูก EQ ดีด้วย นั่นเพราะความรู้สึกผ่อนคลายที่คุณแม่รับจากธรรมชาติ ช่วยให้คุณแม่อารมณ์ดี มีความสุข ร่างกายหลั่งสารสุขมากขึ้น ยิ่งถ้าคุณแม่ลูบท้องพูดคุยกับลูกไปด้วยก็จะช่วยพัฒนาประสาทสัมผัสลูกได้อย่างรอบด้านทีเดียว เพราะฉะนั้น การที่คุณแม่ได้พาตัวเองไปสัมผัสกับธรรมชาติบ่อยๆ เช่น พักผ่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เดินเล่นในสวน หรือแม้กระทั่งการเปิดเพลงบรรเลงที่เป็นเสียงธรรมชาติ ล้วนช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลายและช่วยพัฒนาสมองลูกน้อยในครรภ์ได้ไม่ยากเลยค่ะ