สมองเด็กแรกเกิดทำงานอย่างไร...เพื่อคุณแม่มือใหม่
view 5,982
นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาจนพบว่า สมองของเด็กแรกเกิดประกอบด้วยเซลล์ประสาทนับแสนล้านเซลล์ที่เรียงตัวกันอย่างไม่เป็นระเบียบ (เปรียบเสมือนชิ้นส่วนของรางรถไฟของเล่นที่กองอยู่กับพื้น) พอทารกได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ เซลล์ประสาทก็จะตอบสนองและส่งสัญญาณถึงกันผ่านจุดประสานประสาท (เปรียบได้กับการหยิบชิ้นส่วนของรางรถไฟทีละชิ้นมาต่อกัน) และพอประสาทสัมผัสต่างๆ ได้รับการทำซ้ำอีก จุดประสานประสาทสัมผัสต่างๆ เหล่านั้นจะยิ่งมั่นคงแข็งแรง (รางรถไฟจะได้รับการต่อชิ้นส่วนไปอีกเรื่อยๆ จนเสร็จพร้อมใช้งาน)
| อีกทั้งยังพบว่าในช่วงพัฒนาการเด็ก 6 เดิอนแรกของชีวิต จะเกิดการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทเช่นนี้ขึ้นมากมาย โดยแสดงให้เห็นจากทารกแรกเกิดจดจำใบหน้าของแม่ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงและภายในไม่กี่สัปดาห์ทารกจะเริ่มเลียนแบบสีหน้าของแม่ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าทารกไม่ได้แค่จับความรู้สึกบนใบหน้าของแม่และเลียนแบบ แต่เขายังรู้สึกแบบนั้นด้วย คือที่เขายิ้มเพราะมีความสุข หรือทารกจะเริ่มฝึกใช้ภาษาเป็นครั้งแรกในชีวิตตอนอายุ 3 เดือนขึ้นไปเพราะเขาเริ่มเข้าใจว่า ถ้าส่งเสียงอ้อแอ้ เขาอาจจะได้รับการตอบสนองจากแม่หรือใครสักคน เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการพัฒนาทักษะด้านภาษาหรือการสื่อสาร คุณพ่อคุณแม่ควรจะทำเสียงอ้อแอ้ตอบลูกน้อย เพราะเป็นปฏิสัมพันธ์ง่ายๆ ที่จะช่วยให้สอนให้เขาเรียนรู้เรื่องการเป็นทั้งผู้ส่งและผู้รับสาร |  |
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำคุณแม่มือใหม่ให้ส่งเสริมพัฒนาการลูกน้อยวัยนี้ ด้วยการเลือกของเล่นที่หลากหลายให้ลูก โดยเด็กวัยนี้เรียนรู้ผ่านการเล่น และเรียนรู้ผ่านทางการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ตาดู หูฟัง จมูกรับกลิ่น ลิ้นรับรส และผิวหนังรับสัมผัส ในวัยนี้เด็กมักชอบนำของทุกชนิดเข้าปาก โดยใช้ปากในการสำรวจของนั้นๆ ทั้งดูด เลีย อม พ่อแม่ควรส่งเสริมให้เด็กได้ใช้ทักษะเหล่านี้โดยหาของเล่นที่มีขนาดเหมาะมือ น้ำหนักเบา ขนาดไม่เล็กจนเกินไป ปลอดภัย ล้างทำความสะอาดง่าย เพื่อให้เด็กได้ฝึกทักษะในการใช้มือและตาประสานกันในการคว้าจับ เขย่า เอาเข้าปาก พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูไม่ควรดึงมือหรือของเล่นออกจากปากเด็ก เพราะจะทำให้เด็กหงุดหงิด อารมณ์เสีย และขาดโอกาสในการใช้ปากสำรวจเพื่อการเรียนรู้ และที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรพูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกขณะชี้ชวนให้ลูกเล่นด้วย
