เลือกสารอาหารจำเป็นเพื่อสมองของลูกน้อย

view 9,651

ลูกน้อยในวัย 1-3 ขวบ นั้น พัฒนาการด้านต่างๆ กำลังเจริญเติบโตอย่างรุดหน้า สมองและร่างกายมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ลูกจึงต้องการสารอาหารจำเป็นอย่างต่อเนื่อง การขาดสารอาหารมีผลเสียต่อสมอง และต่อเนื่องถึงกระบวนการคิด การแก้ปัญหา สติปํญญา ในช่วงอายุนี้ ลูกต้องเปลี่ยนจากการกินนมเป็นหลักมาเป็นอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วน สิ่งที่คุณแม่ควรเอาใจใส่ คือ สารอาหารที่ลูกจะได้รับในแต่ละมื้อว่าครบถ้วนและเพียงพอต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาสมอง ซึ่งนอกจากสารอาหาร 5 หมู่ แล้ว ยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการทางสมองและร่างกายของลูกน้อยที่คุณพ่อคุณ แม่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่...

ดีเอชเอ และ เออาร์เอ กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดสายโซ่ยาว เป็นกรดไขมันตระกูลโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ซึ่งเป็นโครงสร้างที่สำคัญของเซลล์สมอง และประสาทตา จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาสมอง และการทำงานของสายตา ร่างกายไม่สามารถสร้างกรดไขมันชนิดนี้ขึ้นมาเองได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น เช่น ปลาทะเล ผลิตภัณฑ์ทางทะเล สาหร่ายทะเล รวมทั้งผลิตภัณฑ์นมที่มีดีเอชเอในปริมาณสูง

ปัจจุบันเพื่อการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ ผลิตภัณฑ์นมบางชนิดมีการปรับดีเอชเอในปริมาณมากขึ้นเป็น 4 เท่า (เช่น จากเดิมที่เคยได้รับดีเอชเอ 3.5 มก.ต่อนม 1 แก้ว เพิ่มเป็น 14 มก. ต่อนม 1 แก้ว) โดยงานวิจัยของ Lien ในปี 2005 พบว่า เด็กที่ได้รับดีเอชเอในปริมาณ 14-21 มก.ต่อวัน มีพัฒนาการการมองเห็นดีกว่ากลุ่มที่ได้รับดีเอชเอน้อยกว่าเมื่อวัดที่อายุ 5-7 ปี และงานวิจัยของ Smuts ปี 2006 พบว่าเด็กที่ได้รับโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของดีเอชเอเพิ่มขึ้น สามารถทำแบบทดสอบทางภาษาและการสะกดคำได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับเมื่อวัดที่ อายุ 6-9 ปี ทั้งนี้เพราะการได้รับดีเอชเอในปริมาณสูง จะช่วยเพิ่มระดับสติปัญญาของเด็กได้

เบต้า- กลูแคน เป็นสารอาหารที่พบอยู่ในกลุ่มของโพลีแซคคาไรด์ หรือน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ที่จับตัวกันเป็นสาย ซึ่งมักพบตามธรรมชาติอยู่ในผนังเซลล์ของยีสต์เชื้อราบางประเภท ธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ และสาหร่าย

เบต้า-กลูแคนช่วยส่งเสริมและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิ คุ้มกันให้ตื่นตั วและพร้อมใช้งานเสมอในการต่อสู้กับเชื้อโรค ช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของอาการต่างๆ ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นเมื่อไม่สบาย

เบต้า-กลูแคนจากเบเกอร์ยีสต์เป็นเบต้า-กลูแคนที่สกัด บริสุทธิ์มีลักษณะโครงสร้างโมเลกุลจับที่ตำแหน่ง 1,3 และ 1,6 ซึ่งมีผลวิจัยรองรับว่า ช่วยลดอาการอันเกิดจากการติดเชื้อของระบบภูมิคุ้มกันโดยรวมของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบทางเดินหายใจ และมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย มีผลการวิจัยเบต้า-กลูแคน ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดอาการติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่ อาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ จาม

โคลีน เป็นวิตามินสำคัญที่พบในนมแม่ มีบทบาทสำคัญในการสร้างสารสื่อสัญญาณประสาท เพื่อให้การสื่อสารระหว่างเซลล์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นโครงสร้างหลักของเซลล์ต่างๆ รวมทั้งเซลล์สมอง ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ และความจำ

สถาบันทางการแพทย์ในสหรัฐอเมริกา (The Institute of Medicine) ได้กำหนดปริมาณโคลีนที่เพียงพอสำหรับเด็ก โดยคิดค่าเฉลี่ยในน้ำนมแม่ คือ 24 มิลลิกรัม ต่อ 100 กิโลแคลอรี่

โคลีนพบในไข่แดง เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ธัญพืชต่างๆ

ไซอะลิคแอซิด เป็นคาร์โบไฮเดรตที่พบในนมแม่ ซึ่งผลวิจัยพบว่าไซอะลิคแอซิด มีความสำคัญต่อระบบการสื่อสัญญาณประสาท และกระบวนการเก็บข้อมูล ซึ่งมีผลวิจัยพบว่า มีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองในส่วนที่ควบคุมเรื่องการเรียนรู้ และความจำ โดยเฉพาะเด็กวัยแรกเกิด- 3 ปี ซึ่งเป็นวัยที่สมองพัฒนาอย่างรุดหน้า และกำลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ บันทึกเป็นความจำ เพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ที่ดีในอนาคต

ใยอาหาร เป็นส่วนประกอบของพืช ผัก และผลไม้ที่มีประโยชน์สำหรับเด็ก เส้นใยอาหารต่างๆ ในน้ำนมแม่จะช่วยลดอาการท้องผูก และทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น โดยเฉพาะเส้นใย 2 ชนิดคือ...

กาแลคโตโอลิโกแซคคาไรด์ เส้นใยอาหารชนิด เดียวกับที่พบในนมแม่ ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อระบบขับถ่ายของลูก น้อย ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ขับถ่ายง่าย และป้องกันท้องผูก

อินนูลิน พบในผักและผลไม้หลายชนิด ช่วยป้องกันท้องผูก และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค เมื่อลูกสุขภาพดี การเรียนรู้ก็ทำได้อย่างเต็มที่

แคลเซียม มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง มีส่วนในการกระตุ้นปฏิกิริยาโต้ตอบของระบบประสาทสัมผัสของลูก และจำเป็นต่อการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง พบมากในปลาไส้ตัน ถั่วเหลือง เมล็ดพืชต่างๆ และนมที่มีแคลเซียมสูง

วิตามินบี 12 มีส่วนในการทำงานของระบบประสาทและสมอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาความคิด สติปัญญาของลูก พบมากในเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ เนื้อปลา ไข่ และนมที่มีวิตามินบี 12 สูง

ธาตุเหล็ก เป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกรบินในเม็ดเลือดแดง ในเซลล์สมองก็มีธาตุเหล็กอยู่ด้วย ธาตุเหล็กมีส่วนช่วยในการสร้างสารสื่อสัญญาณประสาท เมื่อได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ ลูกน้อยจะมีพัฒนาการทางการเรียนรู้และความจำที่ดี ธาตุเหล็ก พบมากในเนื้อแดง ปลา ไข่แดง ตำลึง ใบขี้เหล็ก งา และนมที่มีธาตุเหล็ก

ธาตุสังกะสี พบในโครงสร้างเซลล์สมองเช่นเดียวกับธาตุเหล็ก เมื่อได้รับธาตุสังกะสีอย่างเพียงพอ จะช่วยพัฒนาความจำ การเรียนรู้ และสายตาของลูกน้อย

วิตามินเอ ช่วยในการมองเห็น พบมากในไข่แดง เครื่องในสัตว์ ผักใบเขียว และนมที่มีวิตามินเอสูง

วิตามินอี ทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดี จึงสามารถป้องกันการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี พบมากในไข่แดง ถั่ว บร็อกโคลี่ น้ำมันพืช น้ำมันตับปลา และนมที่มีวิตามินอีสูง

วิตามินซี ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง พบมากในมะเขือเทศ ส้ม ฝรั่ง

วิตามินดี ช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส พบมากในนม ปลา ไข่ โดยเฉพาะไข่แดง เนย และนมที่มีวิตามินดีสูง

https://mjn.enfababy.com:443/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2