ตกขาวระหว่างตั้งครรภ์เกิดจากอะไร
view 3,425
ตกขาวระหว่างตั้งครรภ์เกิดจากอะไร
อาการตกขาวระหว่างตั้งครรภ์ เกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา เพราะร่างกายมีการปรับเปลี่ยนฮอร์โมนหลายอย่างเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเจ้าตัวน้อยในครรภ์ ซึ่งคุณแม่สามารถสังเกตได้ว่าตกขาวที่เกิดขึ้นนั้น ยังถือว่า “ปกติ” ดีอยู่หรือไม่
โดยดูจาก สี กลิ่น และ อาการคัน ซึ่งตกขาวปกติจะมีสีขาว ไม่มีกลิ่น และไม่คัน แต่หากสังเกตว่า ตกขาวมีสีเหลืองขุ่น หรือเหลืองอมเขียวคล้ายหนอง มีกลิ่นและมีอาการคันช่องคลอดร่วมด้วย นั่นอาจมีสาเหตุมาจากการอักเสบติดเชื้อของช่องคลอดและปากมดลูก ซึ่งที่พบได้บ่อย ก็คือ การอักเสบติดเชื้อจากเชื้อรา เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของช่องคลอดระหว่างตั้งครรภ์ทำให้สภาพต่างๆ เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อรามาก ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น โดยจะมีปริมาณตกขาวมาก เป็นสีขาวหรือเป็นก้อนเล็กๆ สีขาว ที่สำคัญคือมักมีอาการคันบริเวณช่องคลอดหรือบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกร่วมด้วย
อีกสาเหตุคือการอักเสบติดเชื้อพยาธิในช่องคลอดนั้น เกิดจากเชื้อพยาธิตัวเล็กๆ ลักษณะของตกขาวนั้นมักเป็นสีเหลืองๆ หรือเขียวๆ บางรายอาจออกมามากและคล้ายเป็นฟอง และมีอาการคันอย่างมากบริเวณช่องคลอดและอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก ส่วนการอักเสบติดเชื้อจากแบคทีเรีย มักมีตกขาวออกมามาก อาจมีสีเหลืองอมเขียวข้นๆ เหนียวๆ มีกลิ่นเหม็นผิดปกติร่วมด้วย ซึ่งคุณหมอจะบอกได้ว่าตกขาวของคุณแม่เกิดจากเชื้ออะไร และทำการรักษาให้ตรงกับเชื้อต่อไป
วิธีป้องกันให้คุณแม่ไม่ต้องเสี่ยงกับอาการตกขาวที่ผิดปกติ สามารถทำได้ โดย
• ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศไม่ให้เกิดความอับชื้น
• เลือกใส่กางเกงชั้นในที่ไม่คับจนเกินไป และระบายอากาศได้ดี หากไม่แน่ใจกับตกขาวที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากสาเหตุใด ลองปรึกษาสูติแพทย์ที่ดูแลคุณแม่อยู่เพื่อความสบายใจของคุณแม่ค่ะ